มุมสบายๆ ลำดับที่ 17 ซื้อหนังสือกันที่ไหน?
ต่อเนื่องจากตอนที่แล้ว ที่ทำให้นึกหวนไปถึงร้านขายหนังสือ อาจจะเป็นเพราะยังเด็ก การหาซื้อหนังสือจึงไม่ใช่เรื่องง่ายนัก ผู้อ่าน Blog วัยเยาว์อาจสงสัยว่าเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนั้นเลยหรือ เพราะปัจจุบันสามารถหาซื้อหนังสือได้ทั่วไป แค่ไปห้างสรรพสินค้าก็หาซื้อได้แล้ว
แต่เชื่อหรือไม่ สมัยก่อน ถ้าจะหาซื้อหนังสือกันทีหนึ่ง ก็จะต้องไปสถานที่ๆ ขายโดยเฉพาะ เพราะมีร้านขายหนังสืออยู่ไม่กี่แห่ง
ขอเป็นคนแก่เล่าเรื่องอดีตอีกที ลองมาดูว่าสมัยก่อนจะไปหาซื้อหนังสือได้ที่ไหนบ้างใน กทม. เมื่อหลายสิบปีก่อนจากประสบการณ์ตรงของผู้เขียนในสมัยเด็ก ยิ่งถ้าใครเป็นคนต่างจังหวัด ในจังหวัดเล็กๆ จะยิ่งน่าเห็นใจ เพราะถ้าอยากซื้อหนังสือแทบจะต้องเข้ากรุงเทพฯ อย่างเดียวเลย
แผงหนังสือร้านขายของชำ และคนส่งหนังสือพิมพ์
ร้านขายของชำแถวบ้านบางร้านจะตั้งโต๊ะขายหนังสือพิมพ์กับหนังสือการ์ตูนและหนังสือดาราบางเล่ม ซึ่งรับมาขายไม่กี่เล่ม ต้องรีบไปซื้อถ้ารู้ว่าหนังสือออกเมื่อไร เพราะถ้าขายหมดก็อดซื้อ !!
สำหรับหนังสือพิมพ์ ที่บ้านเก่าของผู้เขียนจะมีแขกอาบังโพกหัวใส่ชุดขาวเดินเร่ขายหนังสือพิมพ์ พ่อจะจ่ายค่าหนังสือพิมพ์ให้อาบังเป็นรายเดือน อาบังจะหนีบหนังสือพิมพ์ไทยและหนังสือพิมพ์จีนตรงซี่ประตูเหล็กหน้าบ้านทุกเช้า จำได้คร่าวๆ เหมือนกับเขาเดินตะโกนว่า “ไทยรัฐ เดลินิวส์ กิ๊ดติ๊ด” สองคำหลังฟังไม่ออกหรอกค่ะ ไม่รู้ว่าพูดอะไร เดาเสียงเอาตามประสาเด็ก !
แผงหนังสือตามท่ารถท่าเรือ
ตามท่ารถ ไม่ว่าจะเป็นรถทัวร์ รถไฟ รวมถึงท่าเรือและสนามบิน หาซื้อหนังสืออ่านได้แน่นอน เพราะคนเดินทางนิยมซื้อหนังสืออ่านฆ่าเวลาระหว่างเดินทาง
แถมยังขายหนังสือที่หาซื้อไม่ได้จากร้านหนังสือแถวบ้านอีกด้วย!
แผงหนังสือที่สนามหลวง
สมัยเด็กๆ ชอบอ่านหนังสือนิตยสารประเภทแฟชั่น เช่น “แพรว” “ดิฉัน” ฯลฯ ซึ่งราคาปกติแพงมาก ซื้อไม่ไหว ก็จะไปซื้อเป็นหนังสือมือสองที่สนามหลวง สมัยก่อน (ก่อนฉลองกรุงเทพฯ 200 ปีในปี 2525 ให้ย้ายไปขายที่ตลาดนัดสวนจตุจักร) จะมีตลาดนัดวันเสาร์-อาทิตย์ ล้อมรอบสนามหลวง ตั้งเต๊นท์ตอกหลังคาผ้าใบกับต้นมะขาม (เกือบยืนต้นตาย โชคดีบูรณะจนฟื้นยืนต้นเด่นเป็นสง่าอีกทีได้ทันการ) โดยมีทั้งเสื้อผ้า ของใช้ ของกิน ต้นไม้ ฯลฯ
ถ้าจะซื้อหนังสือก็ต้องข้ามถนนมาที่ฝั่งแม่พระธรณีบีบมวยผม จะมีทั้งซุ้ม เต็นท์ และแผงขายหนังสือหลายร้าน ทั้งตำราเรียน หนังสือเก่า หนังสือใหม่ นิตยสารต่างๆ
ช่วงเปิดเทอมใหม่ ผู้เขียนก็จะเป็นขาประจำที่นี่เพื่อไปซื้อตำราเรียน ช่วงประถมฯ ซื้อหนังสือที่โรงเรียนขาย แต่พอมัธยมฯ ต้องไปซื้อข้างนอกเอง โดยเอารายชื่อหนังสือที่โรงเรียนให้มาไปให้คนขายจัดให้ ก็จะได้ครบทุกเล่มและราคาถูกกว่าที่ซื้อจากร้านศึกษาภัณฑ์ซะอีก ประหยัดเงินได้เยอะ แถมหนังสือก็ใหม่แกะกล่องเหมือนซื้อที่อื่นเลย
ตอนนั้นที่แถวแม่พระธรณีจะมีร้านรถเข็นขายข้าวหมูแดงอร่อยไม่แพงด้วย เหมาะกับกระเป๋าตังค์ของนักเรียนเป็นอย่างยิ่ง เป็นขวัญใจนักเรียน ขวัญใจคนจน ขวัญใจของสามล้อรถแท็กซี่ เห็นมาจอดกินบ่อยๆ และขวัญใจคนแถวนั้น เลยอุดหนุนทุกครั้งที่ไปถ้าเป็นช่วงเที่ยง ร้านนี้ไม่มีโต๊ะ มีแต่เก้าอี้พับขายาวเป็นเบาะไม้เล็กนั่งไม่เต็มก้น ไม่มีพนักพิงหลัง กางเรียงไว้แถวฟุตบาท คนกินสั่งข้าวมาได้แล้วก็ถือจานข้าวไปนั่งกิน โชคดีที่ไม่ใช้เก้าอี้นั่งซักผ้าแบบเตี้ยๆ
...อ้าว...ไหนมาเล่าเรื่องของกินได้ไงเนี่ย คนละเรื่องเดียวกันเลย!!!
ขอวกกลับมาเล่าเรื่องการห่อปกหนังสือเรียนในสมัยของผู้เขียน ทำเพื่อถนอมไม่ให้หนังสือเปื้อนหรือฉีกขาดง่าย ก็มักจะใช้ปฏิทินแขวนที่มีรูปสวยๆ มาห่อปกเอา (ที่บ้านเลยไม่ค่อยมีปฏิทินสวยๆ แขวนเลย เพราะลูกๆ จองเอาไปห่อปกหนังสือหมดทุกคน) แล้วเขียนชื่อและชั้นเรียนลงไปแสดงความเป็นเจ้าของกันหาย
ส่วนปกพลาสติกมาฮิตตอนโตแต่เพื่อความประหยัดก็ไม่ซื้อมาใช้ ประยุกต์โดยเอาถุงพลาสติกใหม่ๆ ขนาดใหญ่เท่าหนังสือมาห่อปกติดสกอตเทปตามมุมหนังสือด้านในแทน ก็เป็นการห่อปกพลาสติกด้วยฝีมือของฉันเอง (แต่ใช้ไปนานๆ กลางๆ เทอม ปกพลาสติกจะเหี่ยวย่นไม่สดใสแบบปกพลาสติกที่ขายกันทั่วไป)
ปัจจุบัน หากอยากได้รับบรรยากาศคล้ายกับแผงหนังสือสนามหลวงอีก ก็สามารถไปได้ที่สวนจตุจักร แผงหนังสือจะอยู่ตรงข้ามกับตลาดนัดสวนจตุจักร และอยู่ใกล้ๆ ตลาด อตก. เป็นแหล่งหนังสือเก่าที่ใหญ่มาก น่าสนใจเหมือนกัน
วังบูรพา
ผู้เขียนชอบอ่าน Pocket Book แถวนี้ อยู่แถวสี่แยกพาหุรัด ที่มีห้างเมอรี่คิงส์ (เก่า) รอบๆ ด้านหลังแถวนั้นล่ะค่ะที่จะมีร้านขายหนังสืออ่านเล่นอยู่หลายร้าน รวมถึงแพร่พิทยา ผดุงศึกษา โอเดียน สโตร์ แต่ไม่อาจรู้ได้ว่าเวลาไหนจะขายหนังสือลดราคา ว่างเมื่อไรก็ไปเดินเล่นหาซื้อเมื่อนั้น
ตอนนี้ร้านหนังสือแถวนั้นก็ยังเปิดขายอยู่ แต่เป็นหนังสือเก่าจำพวกเรื่อง พล นิกร กิมหงวน เป็นตอนๆ เยอะแยะไปหมด และนิยายเล่มหนาๆ เป็นชุดหลายเล่มจบเป็นส่วนใหญ่ ราคาไม่แพง บรรยากาศดูเหงาๆ ยังไงไม่รู้
ร้านเครือศึกษาภัณฑ์
มี 3 สาขา ร้านศึกษาภัณฑ์พาณิชย์ที่ถนนราชดำเนินกลาง ร้านลูกเสือที่ถนนพระราม 1 ติดสนามกีฬาแห่งชาติ และร้านดาราภัณฑ์แถวท้องฟ้าจำลอง (ร้านนี้ไกลจากบ้านไปหน่อย แต่ก็เคยไป)
ในร้านจะขายตำราเรียนและหนังสืออ่านเล่นให้ซื้อเยอะ สมัยก่อนร้านยังไม่ได้ติดแอร์ด้วยนะ มีพัดลมหมุนหึ่งๆ ตลอดทั้งอาคาร ร้านยังขายอุปกรณ์เครื่องเขียน ชุดนักเรียน เครื่องดนตรี สารเคมี อุปกรณ์ทดลองทางวิทยาศาสตร์ โปสเตอร์รูปภาพต่างๆ ฯลฯ มีเพื่อนคนหนึ่งได้ไปหาซื้อตำราที่เป็นคู่มือการสอนสำหรับอาจารย์ที่จะมีเฉลยหรือจะมีคำแปลไว้ช่วยอาจารย์ในการสอนมาใช้เอง เป็นการเรียนทางลัด เหมือนลอกการบ้านเลย คิดได้ไงเนี่ย!
สยามสแควร์
สมัยก่อน ยังไม่มี Center Point และโรงหนังสยามก็ยังไม่ถูกเผา ถ้าอยากได้ตำราหรือหนังสือภาษาต่างประเทศ โดยเฉพาะ Dictionary ทุกภาษา ในยุคนั้นก็ต้องไป “ร้านหนังสือ DK หรือร้านดวงกมล” “Asia Books” “โอเดียน สโตร์” และอีก 2-3 ร้านที่สยามสแควร์ แถวๆ Center Point ในปัจุบัน ซึ่งบางร้านยังเปิดขายอยู่ แต่ดูเก่าๆ เงียบๆ เพราะวัยรุ่นไปกินอาหาร ไปซื้อเสื้อผ้าหรือซีดีแถวนั้นมากกว่า
ศูนย์หนังสือ และร้านหนังสือ
ศูนย์หนังสือจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แต่ก่อนมีแต่ที่ศาลาพระเกี้ยวที่เดียว ตอนนี้มีหลายสาขา มีสาขาในมหาวิทยาลัยอื่นด้วย ยิ่งสาขาในจัตุรัสจามจุรีสแควร์ ร้านกว้างมาก เดินรอบร้านได้ถึง 360 องศา เชียว! และศูนย์หนังสือมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ก็เป็นแหล่งสำคัญในการซื้อตำราและหนังสืออ่านเล่น ซื้อช่วงเปิดเทอมใหม่จะได้หนังสือลดราคา
ช่วงเข้าเรียนมหาวิทยาลัย ร้านหนังสือ “ดอกหญ้า” ดังเปรี้ยงปร้าง แถมยังตั้งอยู่ใกล้มหาวิทยาลัยที่เรียนอีกด้วย ก็เข้าไป (ยืนอ่านฟรี) บ่อย ไม่ค่อยซื้อ เว้นแต่จะชอบจริงๆ หลังๆ ไม่อยากเข้าเพราะร้านแคบและต้องคอยหลบหลีกพระสงฆ์ที่เข้าไปซื้อหนังสือ ร้านหนังสือดอกหญ้าใหญ่สุดอยู่ที่หัวมุมถนนแถวอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ แต่ก็เป็นเชื้อเพลิงถูกไฟเผาวอดไปทั้งร้านไปแล้วอีกเช่นกัน!
ปัจจุบัน ร้านหนังสือ “นายอินทร์” “ซีเอ็ด” “แพร่พิทยา” “B2S” “Kinokuniya” จะเป็นร้านอยู่ในห้างสรรพสินค้า สะดวกมาก มีหนังสือทุกประเภทไม่ว่าตำรา หนังสืออ่านเล่น ทั้งภาษาไทยและภาษาต่างประเทศ ใจกว้าง จัดที่นั่งให้อ่านเหมือนห้องสมุดเลย แถมยังขายเครื่องเขียน ซีดีเพลงหนัง มีมุมเด็กให้นั่งเล่นของเล่น ให้อ่านหนังสือ และมีร้านกาแฟหอมกรุ่นอยู่ในบางร้านด้วย ช่างมีความสุขอะไรเช่นนี้ สามารถ “แช่” ตัวเองอยู่ในร้านเหล่านี้ได้ทั้งวันทั้งคืน...
งานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ
การจัดงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติในยุคแรกๆ จัดแถวคุรุสภา (หลังกระทรวงศึกษาธิการ) ร้านหนังสือขายอยู่ตามเต๊นท์ตั้งเลียบคลองยาวไปเรื่อย เดินดูหนังสือไป ปาดเหงื่อไป ร้อนจริงๆ (หลังๆ ทำเป็นเต๊นท์มีประตูปิดเพื่อติดแอร์) ก็เป็นสวรรค์ของคนชอบหนังสือ เพราะมีหนังสือมากมายทั้งเก่าใหม่ หนังสือมือสอง มีทุกสไตล์ และราคาไม่แพง ของแถมเยอะ!
ปัจจุบัน ย้ายไปจัดงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ จัดปีละตั้ง 2 ครั้ง (เมษายน และตุลาคม ช่วงปิดเทอม) ทุกสำนักพิมพ์จะลดแหลกแจกแถม รวมถึงยังได้เชิญคนเขียนหนังสือมาแจกลายเซ็นแก่แฟนๆ และมีกิจกรรมบนเวทีหรือในห้องประชุมด้วย น่าสนใจมากๆ อยู่ได้นานจนลืมเวลากลับบ้าน!
ทุกปีก็จะเห็นผู้คนมาอุดหนุนหนาแน่นทุกครั้ง หลายคนนำกระเป๋าลากมาใส่หนังสือ และอีกหลายคนจัดส่งหนังสือทางไปรษณีย์ไปที่บ้านไม่ต้องหอบหนักเอง ดีใจและชอบใจที่เห็นคนไทยรักการอ่านหนังสือ
งานนิทรรศการ
สวรรค์ของคนชอบซื้อหนังสืออีกที่ คือ การไปตามงานนิทรรศการที่จัดโดยองค์กรต่างๆ โดยเฉพาะมหาวิทยาลัย หากไปหอศิลป์ ก็จะมีหนังสือศิลปะสวยๆ ราคาพิเศษ ไปงานวิชาการ ก็จะมีหนังสือหลากหลายสาขาให้เลือกซื้อ
สำหรับผู้เขียนตอนเรียนปริญญาตรีอยู่ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาตร์ จะมีกิจกรรมนิทรรศการและงานเสวนาจัดตลอดทั้งปีทั้งโดยมหาวิทยาลัยเอง และคนนอกมหาวิทยาลัยที่มาขอใช้สถานที่ งานเหล่านี้จะมีแผงหนังสือมาขายรอบๆ หอประชุมใหญ่และหอประชุมเล็ก ใครที่ชอบหนังสือแนวปรัชญาการเมืองมาหาซื้อได้เลย ยิ่งเป็นหนังสือยุคสมัย "สายลมแสงแดด" และ "ฉันจึงมาหาความหมาย" ที่หายาก ก็มาหาซื้อได้จากที่นี่ ราคาพิเศษเป็นมิตรกับคนระดับรากหญ้า...
การสมัครสมาชิกหนังสือ
เคยสมัครสมาชิกหนังสือทางไปรษณีย์ ให้ส่งถึงบ้าน เหมือนที่ได้เล่าไว้ในตอนที่แล้ว เช่น “สตรีสารภาคพิเศษ” ที่เป็นการ์ตูน นิทานสั้นๆ เกมส์ต่างๆ
ปัจจุบันน้องสาวเป็นสมาชิกนิตยสารและสารคดี 2-3 รายการ สำนักพิมพ์จัดส่งถึงบ้านอย่างเรียบร้อย ทำให้ได้อ่านก่อนใคร ก่อนวางแผงขาย และยังได้ของขวัญสำหรับการสมัครเป็นสมาชิก เป็นกลยุทธ์อย่างหนึ่งของการขายหนังสือ
การสั่งซื้อหนังสือออนไลน์
การซื้อหนังสือต่างประเทศในสมัยก่อนนั้นยาก ถ้าจะซื้อก็ต้องไปศูนย์หนังสือหรือร้านหนังสือใหญ่ๆ เท่านั้น
ปัจจุบัน ร้านหนังสือมีบริการสั่งซื้อหนังสือต่างประเทศ หรือไม่ผู้เขียนก็สั่งซื้อออนไลน์กับ Amazon.com สะดวกดีเหมือนกัน เข้าอินเตอร์เน็ต เลือกหนังสือที่ต้องการ ชำระเงินผ่านบัตรเครดิต ในระบบจะมีรายงานแจ้งสถานะของการส่ง ว่า หนังสือออกจากท่าเรือแล้ว หนังสือส่งมาถึงเมืองไทยแล้ว กำลังส่งให้ทางไปรณษีย์ ฯลฯ
ตอนนี้ แม้จะมีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ได้อ่านบทความหรือเรื่องแต่งดีๆ ในระบบออนไลน์ และยังมีหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ แต่เสน่ห์ของการหยิบหนังสือมานั่งอ่าน/นอนอ่าน มีกลิ่นหมึกพิมพ์ตามธรรมชาติ จะได้อรรถรสของการอ่านได้ดีและสนุกกว่าการอ่านบนคอมพิวเตอร์เยอะ แถมไม่เปลืองไฟ และไม่เสียสายตาด้วย
ยิ่งถ้าหากได้อ่านหนังสือเล่มที่ชอบ พร้อมจิบชากาแฟหรือเครื่องดื่มเย็นๆ เปิดเพลงฟังเบาๆ โอ๊ย สวรรค์อยู่ที่นี่แล้วจริงๆ…
หนังสือพิมพ์ขึ้นใหม่มากมายหลายแนว หาซื้อง่าย ราคาไม่แพง ก็ขอให้มีความสุขกับการอ่าน ปลูกฝังวัฒนธรรมการอ่านแก่ทั้งตนเองและลูกหลานให้มากขึ้น คงจะไม่มีประโยคที่ว่าคนไทยอ่านหนังสือปีละไม่กี่บรรทัด
และขอให้ทุกคนมีกระบวนการอ่าน นอกจากความสุขที่ได้รับแล้ว ขอให้อ่านแล้ว “ได้คิด” หรือ “คิดได้” แล้วนำมา “ปฏิบัติจริง”
การอ่านหนังสือมากๆ และการอ่านที่คิดและทบทวนเช่นนี้จะช่วยให้คนไทยฉลาด ช่วยนำพาประเทศชาติให้เจริญ ไม่ตกเป็นทาส หลงเชื่อ หรือถูกคนอื่นจูงจมูกโดยง่าย !
มาอ่านหนังสือเยอะๆ กันเถอะ...
ขอขอบคุณรูปภาพทุกรูปที่ดาวน์โหลดมา ทำให้ Blog มีภาพประกอบน่าอ่านมากยิ่งขึ้น
(11 กันยายน 2553)
โดยส่วนตัวชอบอ่านหนังสือที่ศุนย์หนังสือมาก เคยเข้าไปอ่านจนจบเป็นเล่มๆ ก็มี
แต่มีปัญหาที่ว่าพอซื้อหนังสือกลับมาบ้านกลับไม่อยากอ่านหนังสือเล่มนั้นซะงั้น
ปัจจุบันจึงพยายามทำห้องหนังสือของตัวเองไว้ที่บ้าน
เพื่อสร้างบรรยากาศ + เอาเพลงคลาสสิกที่ ในศุนย์หนังสือนิยมเปิดเอามาเปิดเวลาอ่าน
ก็ช่วยได้ในระดับหนึ่งแต่ว่าอาจจะยังมีปัญญาเรื่องสภาพอากาศ และเสียงรบกวน
ปล. พี่เปิ้ลที่ มจธ. เราก็มีสระน้ำ + ที่อ่านหนังสือนะครับ ด้านข้าง สนอ. ไงครับ ^^
Admin#2 3378 days ago
แชมป์ มันไม่เหมือนนั่งริมคลอง หรือแม่น้ำน่ะ ข้างตึกนั่นมันบ่อปูนอ่า
♥ ◘ [P][L][E] ◘ ♥ 3378 days ago
ต้องอาศัยจินตนาการเพิ่มเติมนิดนึง พี่ หุหุ
Admin#2 3375 days ago
ถ้าเลือกได้ เชื่อว่าทุกคนอยากมีบรรยากาศ "ชิล ชิล" ในการอ่านหนังสือกัน
แต่ได้เอกเขนกนอนพื้นบ้านอ่านแบบเปิ้ล หรือไปอ่านฟรีในร้านหนังสือแอร์เย็นๆแบบแชมป์ พี่ก็ทำบ่อย เพราะเป็นชีวิตปกติของคนเมืองอย่างพวกเรา
ถ้าหากมีโอกาสหาเวลาอยู่กับตัวเองกับหนังสือสักเล่มที่ไหนสักที่สักวันสองวัน โดยไม่เจอผู้คน ปิดโทรศัพท์ ปิดทีวี อาจจะค้นพบอะไรดีๆ ก็ได้นะคะ...
**ซ้วง (Suang)** 3374 days ago
1 people liked this comment.
♥ ◘ [P][L][E] ◘ ♥
Profile
Friends
Friends of
Pages
Blog
Files
Photo Albums
Videos
อยากไปนั่งอ่านหนังสือริมน้ำเหมือนในรูปสุดท้ายจังคะ :) ตอนนี้ได้แต่นอนเกลือกกลิ้งอ่านที่บนพื้นบ้าน บางที่ที่พี่ซ้วยเอ่ยมายังไ่ม่เคยไปซื้อเลยคะ สมัยก่อนที่เคยซื้อมีแผงหนังสือที่ร้านขายหนังสือหน้าหมู่บ้าน DK สัปดาห์หนังสือ ส่วนตอนนี้ก็ยังคงชอบไปร้านขายหนังสือแต่สบายขึ้นเพราะมีตามห้างสรรพสินค้า แม้แต่ในเซเว่นอีเลเว่นก็มีขายหนังสือ แต่หลังๆ ซื้อบนเน็ตก็ง่าย สะดวก และถูก (ถูกกว่าซื้อตามร้านอีก)
♥ ◘ [P][L][E] ◘ ♥ 3380 days ago